ออนแอร์มา 4Ep แล้วนะคะสำหรับ flower of evil ซีรีส์เรื่องใหม่ของ อีจุนกิ และ มุนแชวอน บอกกันตรงนี้เลยว่าหลังจากดู 4Ep จบไปแล้วต้องร้อง เชรดดด เอาแล้วไง ทำยังไงดีล่ะ โดฮยอนซู ซีรีส์เปิดตัวในเกาหลีด้วยเรตติง 2.202% และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในทุก Ep แบบไม่มีแผ่ว ซึ่งใน Ep4 ก็วิ่งไปที่ 3.735% เข้าไปแล้วละจ้ะ คาดว่าจะวิ่งไปได้อีกเรื่อย ๆ จากความพีคในแต่ละตอน สำหรับในไทยเป็นการออนแอร์พร้อมกันถึง 3ค่ายสตรีมมิงกันเลยทีเดียว เรียกว่าพร้อมอกพร้อมใจกันออนแอร์เรื่องนี้ ในวันเวลาเดียวกัน เหมือนจะต้อนรับการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของคู่จิ้นสายทริลเลอร์ อีจุนกิ กับ มุนแชวอน หลังจากที่เคยร่วมงานกันในซีรีส์ Criminal Minds ซีรีส์รีเมกฝั่งอเมริกาของช่อง tvN เมื่อปี 2017
เรื่องนี้อีจุนกิรับบทเป็น โดฮยอนซูในคราบ แบคฮีซอง อ่ะ ไม่งงนะ คือฮีทิ้งชีวิตความเป็นโดฮยอนซู เด็กหนุ่มที่เป็นลูกชายของฆาตกรต่อเนื่องมาเป็น แบคฮีซอง ลูกชายของเจ้าของโรงพยาบาล ทิ้งชีวิตเมื่อ 18 ปีที่แล้วเอาไว้ข้างหลังอย่างหวาด ๆ แล้วมาแต่งงานอยู่กินกับ ชาจีวอน (มุนแชวอน) ตำรวจสายสืบคดีอาชญากรรม อยู่กินกันมา 14 ปี จนมี แบคอึนฮา (จองซอยอน) ลูกสาววัยกำลังน่ารักด้วยกัน 1 คน
ภายนอกแบคฮีซองคนนี้ เป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่น่ารักของลูก เปิดร้านออกแบบโลหะอยู่กับบ้าน ดูแลลูกและภรรยาอย่างไม่ขาดตกบกพร่องแถมยังทำอาหารอร่อย เรียกได้ว่าคือสามีในฝันที่ใครเห็นต่างก็พากันอิจฉา เป็นครอบครัวอบอุ่นที่เหมาะสมกับคำว่าสมบูรณ์แบบ จนกระทั่งชาจีวอนต้องเข้าไปรับผิดชอบคดีฆาตกรรม และเริ่มสงสัยว่าสามีที่อยู่กินมานาน 14 ปี อาจเป็นฆาตกรที่หลบซ่อนอยู่ในชื่อคนอื่น
เล่นกับการเปิดปมแบบ ปมซ่อนปม flower of evil
flower of evil เรื่องนี้เดินเรื่องรวดเร็วและเปิดมาก่อนเลยว่า พระเอกอาจจะเป็นฆาตกรที่ฆ่าหัวหน้าหมู่บ้านตาย และเป็นลูกชายของฆาตกรต่อเนื่องที่ตำรวจกำลังตามหา แอบซ่อนตัวอยู่ในชื่อคนอื่น แถมยังเป็น ไซโคพาธ (psychopaths) เป็นโรคบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคม (Antisocial Personality Disorder) ต้องศึกษาการแสดงสีหน้าในอารมณ์ ความรู้สึกแบบต่าง ๆ ต้องฝึกยิ้มที่หน้ากระจกเพื่อให้ตัวเองสามารถแสดงสีหน้าได้เหมือนคนอื่น ๆ ฉากนี้สร้างความหลอนได้ 1 ระดับเลยทีเดียว
ดิฉันปักใจเชื่อว่าซีรีส์ต้องหลอกให้เราสงสัยในตัวพระเอก ไม่นะ อีจุนกิจะเป็นฆาตกรไม่ได้นะ ไอ้เรื่อง ไซโคพาธ (psychopaths) น่ะฮีเป็นแน่ ๆ เพราะเห็น ๆ กันอยู่ แต่ไอ้ที่ไม่เห็นก็คือปมที่ซ่อนอยู่ในปมอีกที ไหนจะปมเรื่องพ่อ ปมความผิดในอดีตและเป็นปมที่พระเอกก็อมพะนำไม่บอกใคร ฆ่าคนตายมาจริงรึเปล่าก็ไม่รู้แต่ก็ทำทีเหมือนจะเป็นเรื่องจริง เพราะความจิตในแต่ละตอนที่แสดงออกมามันก็น่าเชื่อถือซะด้วยสิ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่จับ คิมมูจิน (ซอฮยอนอู) นักข่าวที่เป็นเพื่อนเก่ามาทรมาน หรือแม้แต่ตอนที่สอนลูกสาวให้ขอโทษเพื่อนทั้ง ๆ ที่ลูกไม่ผิดว่า
“ถ้าเราทำชื่อเสียงให้ดี หากเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมาก็จะไม่มีใครสงสัยลูก แต่ถ้าลูกมีชื่อเสียงไม่ดีคนก็จะสงสัยลูกก่อน” ณ จุดนี้ อยากถามคุณพ่อว่าคุณพ่อคะ คุณพ่อเป็นฆาตกรจริง ๆ ใช่ไหมคะ!? นี่มันความคิดของคนที่เหมาะสมจะเป็นฆาตกรชัด ๆ
อีกปมหนึ่งที่ซีรีส์สร้างความสงสัยเอาไว้อีกก็คือ ครอบครัวจำแลงของพระเอก พ่อที่เป็นเจ้าของโรงพยาบาล กับ แม่ที่เป็นเภสัชกร มีความลับอะไรซ่อนอยู่ ทำไมถึงรับพระเอกมาเป็นลูก ครอบครัวนี้ทำอะไรเลวร้ายมาบ้างไหม ในฉากที่พระเอกไม่ต้องการให้นางเอกมาสนิทสนมกับแม่ตัวเอง ฉากที่แม่ตั้งแง่และทำตัวไม่เป็นมิตรกับลูกสะใภ้และหลานตัวน้อย ที่ช่างเย็นชาและผิดวิสัยของคนเป็นหมอที่ควรจะอบอุ่นอ่อนโยน คำพูดบางคำที่พ่อพูดกับลูกชาย บ่งบอกถึงความมืดดำที่เก็บซ่อนเอาไว้และไม่อยากให้ใครรู้ ตอนนี้ซีรีส์ค่อย ๆ เผยมาทีละนิด แต่ก็ยังไม่เปิดทั้งหมด
แถมยังมีปมใหม่ที่เกี่ยวกับ โดแฮซู (จางฮีจิน) พี่สาวของพระเอกที่เป็นช่างแต่งหน้าเอฟเฟกต์โผล่เข้ามาอีก ซึ่งทำท่าว่าจะเป็นอีกตัวละครหนึ่งที่รู้ความลับเมื่อ 18 ปีที่แล้วเป็นอย่างดี ก็เท่ากับว่ายังคงไม่รู้อยู่ดีแถมยังมีตัวละครใหม่ ๆ โผล่มาเรื่อย ๆ เข้าไปอีก แล้วพระเอกนี่ก็ช่างมีเรื่องเข้าไปพัวพันกับคดีที่นางเอกทำอยู่ จากที่แอบ ๆ เอาไว้ได้ตั้งเป็นสิบปี จะหลุดโป๊ะก็คราวนี้แหละคุณเอ๊ย
เล่นกับความลับและความจริง
ซีรีส์เปิดออกมาเป็น เมโลดราม่า-ทริลเลอร์ สืบสวนสอบสวน ซึ่งโครงเรื่องก็เดาทางไม่ยากสักเท่าไหร่ แต่จุดที่น่าสนใจคือซีรีส์จะซ่อนปมแต่ละปมไว้ตรงไหนให้น่าติดตามอีก ซึ่งใน 4Ep ที่ผ่านมาถือว่าทำได้น่าติดตามเอามาก ๆ มีจุดแอ๊ะ มีจุดลุ้นให้หวาดเสียวเกือบตลอดทั้งเรื่อง ส่วนใหญ่แล้วซีรีส์แนวนี้มักจะนำเสนอแบบคดีซ้อนคดี ในแต่ละ Ep จะมีคดีอื่น ๆ แทรกเข้ามาให้ต้องสืบเสาะโดยมีคดีที่เป็นเมนหลักของเรื่องคุลมโทนอยู่ตลอดเวลา เรื่องนี้ก็เหมือนกันค่ะ แต่คดีในแต่ละตอนไม่ได้ไปรบกวนคดีหลัก หากแต่ผสมผสานเชื่อมโยงกันจนน่าติดตามมากยิ่งขึ้นไปซะอีก
ทำให้เห็นความเก่งและความช่างสังเกตของตัวนางเอก ที่แต่ละคดีที่ผ่านมาถ้าไม่ได้สายสืบชาจีวอนแล้วละก็ คดีต่าง ๆ คงต้องพายเรือในอ่างไม่รู้ทิศอย่างแน่นอน ความเก่งในจุดนี้ก็สร้างความสงสัยให้คนดูอยู่มากพอสมควรตรงที่ ถ้าชาจีวอนจะเป็นสายสืบที่รอบคอบได้ขนาดนี้ เหตุไฉนถึงไม่เอะใจในแบคฮีซอง สามีของตัวเองที่นอนอยู่ข้าง ๆ มาถึง 14 ปีเลยล่ะ ซีรีส์ก็แก้เกมตรงนี้ให้จำนนได้อีกว่า เพราะแบคฮีซองเป็นแบคฮีซองได้อย่างแนบเนียน ฮีฝึกมาแล้วและรอบคอบตรงจุดนี้อยู่มาก ๆ งานนี้ต้องปรบมือให้กับอีจุนกิ ที่เคี้ยวบทนี้ได้อย่างละเอียดกับตาคนดูซะอีกด้วย เป็นสามีที่ก็น่ารัก เป็นพ่อก็อบอุ่น พอเป็นตัวเองแบบเต็ม ๆ ก็น่ากลัวเข้าไปอีก
ในบทแบคฮีซองจะเป็นคนที่อยู่กับความเครียด เป็นคนเย็นชา ไร้หัวใจ มีความลับที่เลวร้ายในอดีต แต่ในขณะเดียวกันต้องทำตัวให้มีภาพลักษณ์ที่อบอุ่น เพื่อซ่อนตัวจากอดีตที่ผ่านมา แต่เมื่อคดีเมื่อ 18 ปีที่แล้วกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง แบคฮีซองจะตบตาภรรรยาอย่างสายสืบชาจีวอนได้นานสักแค่ไหน ก็ต้องตามดูตอนต่อไปว่าซีรีส์จะเล่น ๆ หลอก ๆ เราไปในทางไหน ซึ่ง ep4 ที่ผ่านมา ทำเอาร้องว้ายในวินาทีสุดท้ายไปซะแล้ว กลัวพระเอกโดนจับได้ค่ะ บอกตรง ๆ เพราะโป๊ะแตกคามือกันเห็น ๆ
เล่นกับแสงสีและเวลา
เรื่องนี้มีการแฟลชแบ็กเป็นระยะ ๆ แต่ไม่ได้คลี่คลายอะไรเลย เป็นแฟลชแบ็กที่สร้างความสงสัยเข้าไปอีกว่าอะไรกันแน่ อะไรกันจ๊ะ เราไม่สามารถตัดข้อที่พระเอกอาจเป็นฆาตกรไปได้ แล้วก็ไม่สามารถปักใจเชื่อได้ในเวลาเดียวกัน การที่พระเอกปล่อยตัวนักข่าวไม่ทำร้ายจนตาย การที่พระเอกแสดงความเป็นห่วงต่อภรรยาในฉากที่เกิดการปะทะ มันก็เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า ความรักละลายหัวใจฆาตกรคนหนึ่งได้ ถ้าเขาเป็นฆาตกรจริง ๆ คือมันชักจะยังไง ๆ กันอยู่ เกมอาจจะพลิกที่พระเอกโดนใส่ร้ายก็เป็นได้ เรื่องนี้มันต้องมีเงื่อนงำค่ะคุณผู้ชม
การจัดแสงในเรื่องนี้ถือว่าเป๊ะปัง จนต้องพอสเอาไว้เพื่อดูแสงในบางตอนบางมุม สีหน้าที่ยิ้มแย้มของพระเอกที่ขัดกับแววตาจืดชืดบวกกับแสงเหงา ๆ ตึง ๆ ในห้องทำงาน ส่งบุคลิกให้น่ากลัวมากกว่าน่ากอดเข้าไปอีก บรรยากาศที่ควรจะหวานแหวนมันไม่ได้หวานเอาซะเลย กลายเป็นลึกลับและเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ตลอดเวลา แล้วก็ตัดอารมณ์ด้วยการแคปหน้าพระเอกที่ยิ้มแฉ่ง นางเอกไม่รู้ แต่คนดูรู้ว่าฮีปลอม ถือว่าซีรีส์คลุมโทนในแต่ละฉากได้ดี จนทำให้เราคล้อยตามได้ง่าย ๆ จนรู้สึกตามได้ว่า พระเอกน่าสงสารมากกว่าน่ากลัวไปแล้วนะ
ชอบเป็นการส่วนตัวกับการไล่แสงบนหน้าของพ่อพระเอก ไม่รู้ว่าตอนถ่ายทำเป็นความบังเอิญหรือตั้งใจ ไม่รู้ว่าตัวแสดงต้องเดินไปทางซ้าย ทางขวาเพื่อให้แสงลงหน้าเป๊ะ ๆ แล้วพอดิบพอดีกับโครงหน้าได้ขนาดนั้นหรือเปล่า ก็อยากให้ไปดูกันเองค่ะ การจัดแสงเรื่องนี้เหมือนจะธรรมดา แต่ใส่ความหมายซ่อนความรู้สึกเอาไว้ได้ดีเลยทีเดียว สามารถใช้คำว่าสนุกทุกตอนได้อย่างไม่เสียปาก
จุดเด่น
- บทมีความลึกลับซับซ้อน น่าติดตาม แต่ก็ดูง่ายตามสไตล์เมโลดราม่า-ทริลเลอร์-สืบสวนสอบสวน
- สีหน้าและอารมณ์ของอีจุนกิเรื่องนี้เอาไปสามผ่าน เข้าคู่กับมุนแชวอน ถือเป็นการกลับมาของคู่จิ้นสายทริลเลอร์ที่น่าดีใจ
- เรื่องนี้คุลมโทนแสงในแต่ละฉากได้ดี สื่ออารมณ์ออกมาได้ชัดเจน
- โครงเรื่องสนุกน่าติดตาม ดำเนินเรื่องเร็วและไม่เปิดปมง่าย ๆ
จุดสังเกต
- อยากให้ขยี้ปมพระเอกหนัก ๆ กว่านี้อีกสักนิด จะสาแก่ใจกว่านี้มาก flower of evil